สทนช.วางกรอบรับมือน้ำหลาก’62กำหนดเกณฑ์ระดับภัยพิบัติ
เพื่อกำหนดกลไกป้องกัน แจ้งเตือนล่วงหน้า
สทนช.เร่งหารือหน่วยงานเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนบูรณาการ เฝ้าระวังตามติดสถานการณ์น้ำฤดูฝนปีนี้สั่งย้ำการจัดการภาวะฉุกเฉินพร้อมกำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์ระดับภัย เพื่อวางกลไกการเปิดศูนย์บัญชาการลดผลกระทบในแต่ละช่วงภัย หวังเพิ่มประสิทธิภาพป้องผลกระทบวิกฤติน้ำครอบคลุมรอบด้าน
วันนี้ (27พ.ค. 62)นายสมเกียรติ ประจำวงษ์เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 6/2562 ว่าที่ประชุมได้มีการหารือ ติดตามแนวโน้มการคาดการณ์สภาพภูมิอากาศสถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำต่างๆ ในปัจจุบัน สภาพน้ำท่า รวมถึงการบริหารจัดการน้ำและการเพาะปลูกพืชในช่วงฤดูฝน ปี 2562 ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมาเพื่อซักซ้อม ทำความเข้าใจของทุกหน่วยงานร่วมกันในการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะแนวทาง เงื่อนไข การแจ้งเตือน รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลภายใต้ระบบฐานข้อมูลและรูปแบบเดียวกัน ซึ่งจากการวิเคราะห์ คาดการณ์สถานการณ์ฝนขณะนี้จากหน่วยงานที่เกียวข้อง พบว่า จะเริ่มมีฝนตกหนักตลอดสัปดาห์นี้บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน อาทิ แพร่ เชียงใหม่ อุตรดิตถิ์ น่าน ที่จะเกิดฝนตกหนัก และมีภูเขาหัวโล้นอยู่มากซึ่งจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และแจ้งเตือนพื้นที่ประสบภัยดินโคลนถล่มจากน้ำไหลหลากฉับพลัน โดยอ้างอิงข้อมูลปริมาณน้ำของของกรมทรัพยากรน้ำที่สถานีวัดน้ำฝนครอบคลุมกว่า 1,000 แห่ง ซึ่งต้องเฝ้าระวังตั้งแต่เดือนนี้ถึงมิถุนายนที่อาจจะเกิดผลกระทบได้
“จากการคาดการณ์แนวโน้มฝนตกภาพรวมจะมีปริมาณฝนไม่มากนัก จะตกหนักเพียงบางจุดและปริมาณฝนมากเป็นช่วงๆ โดยตั้งแต่ช่วงนี้ถึงกลางมิ.ย. จะตกหนักบริเวณภาคเหนือ ขณะที่ช่วงกลางเดือนก.ค.ต่อเนื่องถึงส.ค.ก็จะเป็นภาคอีสาน และภาคกลางเล็กน้อยสถานการณ์ที่จะมีน้ำท่วมหนักๆ ก็ไม่น่าเป็นห่วงนัก เนื่องจากแนวโน้มฝนน้อยกว่าปี 60 และ 61 รวมถึงแหล่งน้ำต่างๆ ยังสามารถรองรับปริมาณฝนได้อีกมาก โดยปริมาณน้ำในภาพรวมของประเทศในขณะนี้น้อยกว่าปีที่ผ่านมาถึง 5 – 6 พันล้าน ลบ.ม. ดังนั้น เหตุการณ์ที่จะมีน้ำล้นสปริลเวย์โอกาสจะเกิดขึ้นได้น้อย ยกเว้นกรณีเกิดพายุ ซึ่งได้มีการคาดการณ์พายุก็คาดว่าจะเกิดในช่วงเดือนสิงหาคม– กันยายนประมาณ 1-2 ลูก แต่เพื่อให้กลไกการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันกรณีหากเกิดภาวะวิกฤติจากน้ำระหว่างนี้ สทนช.ได้มีการหารือเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานที่ชัดเจนของหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวมถึงการรวบรวมข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนให้เป็นรูปแบบเดียวกันและกำหนดผู้ประสานงานของหน่วยงานที่ชัดเจน เมื่อมีสถานการณ์หรือเหตุบ่งบอกว่าจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติ เช่น มีแนวโน้มการก่อตัวของพายุ หรือปริมาณฝนตกต่อเนื่อง 3 วันมากกว่า 200 มม. เราก็จะร่วมกันทำงานภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าศูนย์ฯ จะเปิดในช่วงเดือนกรกฏาคม โดยจะทำงานสอดคล้องกับการป้องกันสาธารณภัยของปภ.ควบคู่กันด้วย”นายสมเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือปริมาณน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ โดยเฉพาะที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% ของความจุ โดยเฉพาะในภาคอีสาน สทนช.จึงได้เน้นย้ำหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ติดตามสถานการณ์ฝนอย่างใกล้ชิดหากปริมาณน้ำฝนน้อยอาจสุ่มเสี่ยงน้ำไหลเข้าอ่างน้อยก็อาจจะกระทบกับปริมาณน้ำต้นทุนในอนาคตได้ ต้องประสานกรมฝนหลวงขึ้นปฏิบัติการช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกทางด้วยสำหรับข้อกังวลในเรื่องของสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงบางพื้นที่ในช่วงเดือนก.ค.นั้นที่ประชุมคาดการณ์ว่าในเขตชลประทานไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากช่วงนี้ได้เร่งเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด ขณะที่ภาคเกษตรการปลูกพืชฤดูแล้งก็มีการเก็บเกี่ยวไปแล้วกว่า 90% มีการวางแผนการจัดสรรน้ำให้พ้นช่วงแล้งของหน่วยงานเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ขณะที่การเพาะปลูกข้าวในฤดูฝนก็มีการปลูกแล้วเกือบๆ 2 ล้านไร่ แต่ในพื้นที่นอกเขตชลประทานยังคงต้องมีการติดตามเฝ้าระวังเพื่อป้องกันผลกระทบอย่างใกล้ชิดด้วย
นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า แม้สถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่จะบรรเทาลง เนื่องจากประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ฤดูฝนปี 2562 อย่างเป็นทางการแล้ว แต่จากปรากฏการณ์เอลนีโญกำลังอ่อน ที่ยังคงลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลกระทบให้บางพื้นที่ยังมีปัญหาภัยแล้งอยู่ โดยปัจจุบันมีพื้นที่ประสบภัยแล้งจำนวน 8 จังหวัด 18 อำเภอ 62 ตำบล 456 หมู่บ้าน ได้แก่ พิษณุโลก ร้อยเอ็ด ศรีษะเกษ นครราชสีมา มหาสารคาม ตราด ชลบุรี รวมถึงติดตามเฝ้าระวังบางจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคและที่ สทนช. ได้คาดการณ์ พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพิ่มเติมโดยใช้เกณฑ์พิจารณาจากการคาดการณ์ปริมาณฝน 3 เดือน ปริมาณน้ำแหล่งน้ำขนาดเล็กน้อยกว่าร้อยละ 30 และปริมาณความชื้นในดิน โดย สทนช.ได้ประสานแจ้งข้อมูลพื้นที่ และขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมมาตรการแก้ไขปัญหาพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเชิงป้องกันเพื่อลดความรุนแรงซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงฝนทิ้งช่วงเดือนมิ.ย.ถึง ก.ค. และเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือพื้นที่เสี่ยง และให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณแก้ไขปัญหาภัยแล้งเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร่งด่วนอีกด้วย
………………………………
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
27 พฤษภาคม 2562