เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการการในพื้นที่ประสบอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนกลาง ณ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมลงพื้นที่และรายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่ด้วย
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งอย่างยั่งยืน โดยมอบให้ สทนช. จัดทำแผนการพัฒนาด้านต่างๆ อย่างเป็นระบบและให้ครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนและลดปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำชีมูลได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานทั้งหน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานท้องถิ่นให้ความสำคัญในการเสนอแผนงานผ่านระบบ Thai Water Plan (TWP) สำหรับบูรณาการแผนงานด้านน้ำของทุกหน่วย เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนงานเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ลดการซ้ำซ้อนของแผนงาน/โครงการ และต้องมีการส่งเสริมองค์ความรู้การใช้งานของระบบ TWP ให้หน่วยงานท้องถิ่น มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการกระบวนการใช้งานของระบบอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำนวัตกรรมด้านน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินมาใช้เพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนและลดผลกระทบปัญหาอุทกภัย โดยคำนึงถึงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ
ด้าน นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สำหรับแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูล สทนช.ได้บูรณาการกับทุกหน่วยงานโดยการจัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นเสี่ยงอุทกภัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งได้กำหนดให้มีการบริหารจัดการจราจรทางน้ำระหว่างสองลุ่มน้ำ โดยพื้นที่ลุ่มน้ำมูลตอนบนต้องหน่วงน้ำ โดยไม่ระบายน้ำจากเขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนมูลบน เขื่อนลำแชะ และเขื่อนลำนางรอง ส่วนในพื้นที่ลำน้ำมูลตอนกลางได้ควบคุมสถานการณ์น้ำโดยลดการระบายน้ำของเขื่อนราษีไศล และใช้เขื่อนหัวนาทำหน้าที่หน่วงน้ำและชะลอน้ำจากลำน้ำมูลตอนกลางลุ่มน้ำเพื่อให้ลำน้ำชีได้เร่งระบายน้ำออกไปก่อน นอกจากนี้ ในพื้นที่ลำน้ำชีตอนบนจะใช้เขื่อนชนบทและเขื่อนมหาสารคาม หน่วงน้ำโดยการลดอัตราการระบายน้ำ
สำหรับการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ได้มีการระบายน้ำเพิ่มแบบขั้นบันได แต่ไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ท้ายน้ำหรือเพิ่มพื้นที่น้ำท่วมในลำน้ำชีตอนกลาง ส่วนเขื่อนลำปาวจะปรับลดการระบายน้ำเพื่อบรรเทาพื้นที่น้ำท่วมด้านท้ายเขื่อนลำปาว และลดปริมาณที่ไหลลงสู่แม่น้ำชีและแม่น้ำมูลโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยทำให้ระดับน้ำแม่น้ำมูลไม่เพิ่มขึ้นและจะไม่เป็นการขยายพื้นที่น้ำท่วมของจังหวัดอุบลราชธานีบริเวณริมแม่น้ำมูลเพิ่มขึ้นจากเดิมแต่อย่างใด.




















