สลิลธาราอารัญ
ฤดูร้อนกำลังเดินทางมาถึงอีกครั้ง ช่วงนี้กลิ่นของไอแดดจัดๆ ในหน้าร้อนเริ่มชัดเจนขึ้น กลิ่นแบบนี้ทำให้นึกภาพไปถึงรายชื่อผลไม้ฤดูร้อนที่จะได้ลิ้มรสกันในปีนี้ ชื่อนึงที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ “ทุเรียน” ราชาแห่งผลไม้ ซึ่งหลายพื้นที่ก็มีทุเรียนที่มีรสชาด รูปลักษณ์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป ที่ขึ้นชื่อก็มี หลงและหลินลับแลของอุตรดิตถ์ ทุเรียนนนท์ ทุเรียนปราจีน ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ หมอนทองป่าละอู ฯลฯ นึกๆ ไปก็น้ำลายไหลไป ปีนี้จะได้กินกี่สายพันธ์กันหนอ
![](http://www.onwr.go.th/wp-content/uploads/2024/02/ทุเรียนป่าละอู-2-1024x903.jpg)
“ทุเรียนป่าละอู” คือ ทุเรียนหมอนทองปลูกในพื้นที่ บ้านป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เฉพาะตัว รสหวาน เนื้อหนาเนียนละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้ง มันมากกว่าหวาน กลิ่นไม่รุนแรง ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ จนได้รับการขึ้นทะเบียน GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา นอกจากนี้ยังเป็นทุเรียนพันธุ์ “หมอนทอง” พระราชทาน ซึ่ง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระราชทานให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนนำไปปลูกที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด ร.ร.อานันท์ ที่บ้านป่าละอู ราวปี พ.ศ. 2509
![](http://www.onwr.go.th/wp-content/uploads/2024/02/ทุเรียนป่าละอู-3-1024x903.jpg)
ปีนี้ทุเรียนป่าละอูน่าเป็นห่วง เพราะเมื่อปี 2566 เกิดปรากฏการณ์พาดหัวข่าวจากหลายสื่อ “ชาวบ้านป่าละอูน้ำตาตก ทุเรียนแล้งน้ำยืนต้นตาย” ปีนั้นเกษตรกรสวนทุกเรียนบ้านป่าละอูเดือดร้อนเป็นวงกว้าง ทุเรียนยืนต้นตายเพราะขาดน้ำกินพื้นที่หลายไร่ ในเวลานั้นสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รีบลงสำรวจสภาพพื้นที่ พบสาเหตุจากขาดการบริหารจัดการน้ำที่เป็นระบบ ไม่มีการควบคุมการใช้น้ำในระบบส่งน้ำ ทำให้ด้านท้ายน้ำไม่ได้รับน้ำ และเกิดปัญหาการแย่งน้ำขึ้น สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะสั้นเพื่อบรรเทาผลกระทบในขณะนั้น แต่เกษตรกรก็ยังคงได้รับความเดือดร้อนขาดทุนและเกิดหนี้สินจำนวนมาก
ปี 2567 นี้ ประเทศไทยยังอยู่ในสถานการณ์เอลนีโญ มีการคาดการณ์ว่าฝนจะมาล่าช้าและมาน้อยกว่าปกติ อาจส่งผลให้พื้นที่ปลูกทุเรียนบ้านป่าละอูเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำอีกครั้ง สทนช. จึงลงพื้นที่พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการแนวทางป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นหรือให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดตาม 9 มาตรการรองรับฤดูแล้ง 2566/67 ระยะสั้นได้กำหนดให้มีการขุดลอกแหล่งกักเก็บน้ำและคลองส่งน้ำเพื่อขยายพื้นที่กักเก็บและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ วางแผนสูบส่งน้ำจากแม่น้ำปราณบุรีส่งให้อ่างเก็บน้ำห้วยพุไทร และจัดเตรียมเครื่องมือสำหรับส่งกระจายน้ำให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ และในระยะยาวจะมีการสำรวจศึกษาแนวทางการจัดทำโครงการฝายชะลอน้ำเพื่อกักเก็บน้ำในแม่น้ำปราณบุรี และเพิ่มอุปกรณ์เครื่องมือเพื่อส่งกระจายน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยป่าเลาลงพื้นที่การเกษตรอย่างสม่ำเสมอ
![](http://www.onwr.go.th/wp-content/uploads/2024/02/ทุเรียนป่าละอู-4-1024x903.jpg)
นอกจากนี้ ชาวบ้านและเกษตรกรเจ้าของพื้นที่เองก็ร่วมกันจัดระเบียบการจัดการน้ำในพื้นที่ให้เป็นระบบ โดยกำหนดเวลาและพื้นที่รับน้ำเพื่อให้มีการแจกจ่ายกระจายน้ำอย่างทั่วถึง ป้องกันเหตุการณ์แย่งน้ำที่เคยเกิดในอดีต ความร่วมมืออย่างแข็งขันของทุกภาคส่วนในครั้งนี้น่าจะเป็นคำสัญญาได้ว่า ฤดูร้อนที่จะถึงนี้ เราจะได้เห็น “ทุเรียนป่าละอู” กลับมาเฉิดฉายในตลาดทุเรียนแข่งกับทุเรียนสายพันธ์อื่นๆ อีกครั้งอย่างแน่นอน….