“รองนายกฯ ประเสริฐ” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ กำชับหน่วยงานพร้อมรับมือและเฝ้าระวังฝนทิ้งช่วงอย่างใกล้ชิด ควบคุมการระบายน้ำอ่างเก็บน้ำลำปาวให้เป็นไปตามแผน เร่งซ่อมแซมปรับปรุงแหล่งกักเก็บน้ำให้พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วันนี้ (18 พฤษภาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 12 จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและความก้าวหน้าโครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่างๆ ในพื้นที่ โดยมี นายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน ให้การต้อนรับ โดยช่วงเช้า ตรวจเยี่ยมอ่างเก็บน้ำหนองหมาจอก อำเภอยางตลาด, โครงการขุดลอกหนองคำยิ่งหมี บ้านคำยิ่งหมี หมู่ที่ 4 ตำบลนามน อำเภอนามน และอ่างเก็บน้ำห้วยผึ้ง ตำบลนิคมห้วยผึ้ง อำเภอห้วยผึ้ง จากนั้น ในช่วงบ่าย ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการฝายห้วยนาครูแก้ว (ตอนล่าง) ณ โรงเรียนชุมชนแจนแลนราษฎร์บำรุง บ้านแจนแลน ตำบลแจนแลน และโครงการฝายห้วยหลักทอด (ตอนล่าง) ณ โรงเรียนบ้านกกตาล บ้านกกตาล ตำบลบัวขาว ตามลำดับ
รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เนื่องจากขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังสภาวะฝนทิ้งช่วง การลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 อย่างใกล้ชิด โดยมอบหมายให้ สทนช. ประสานร่วมกับกรมชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำและการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำลำปาวให้เป็นไปตามแผน เพื่อช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัยและบริหารน้ำต้นทุนให้เพียงพอไว้ใช้ฤดูแล้งถัดไป รวมทั้งให้จังหวัดกาฬสินธุ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การรับมืออุทกภัยและฝนทิ้งช่วงมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับโครงการที่จำเป็นเร่งด่วนแต่ยังไม่ได้รับงบประมาณ ขอให้เร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป
อีกทั้ง ได้สั่งการให้จังหวัด กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำ บ่อบาดาล รวมถึงระบบประปาหมู่บ้านที่อยู่ในความรับผิดชอบให้พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้จังหวัดสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้กับประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องด้วย
ด้าน นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการน้ำในทุกมิติ โดยเฉพาะการสร้างความมั่นคงด้านน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อให้ประชาชนทุกครัวเรือนมีน้ำสะอาดไว้ใช้อย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี และยังได้เสนอโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2568 สำหรับโครงการในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ คณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว 138 โครงการ วงเงิน 147 ล้านบาท เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ สามารถเพิ่มความจุกักเก็บน้ำ 4.31 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) พื้นที่รับประโยชน์ 770 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 1,586 ครัวเรือน นอกจากนี้ สทนช. ได้กลั่นกรองแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำที่หน่วยงานเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 106 รายการ วงเงิน 718 ล้านบาท เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ สามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 2.60 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 7,300 ไร่ พื้นที่ได้รับการป้องกัน 7,221 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 15,529 ครัวเรือน เช่น การปรับปรุงฝายลำพะยังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ, โครงการปรับปรุงและเพิ่มกำลังการผลิตระบบผลิตน้ำประปาพร้อมระบบกรองแบบอัตโนมัติ WATER TECH บ้านถ้ำปลา หมู่ที่ 11 ตำบลสหัสขันธ์ อำเภอสหัสขันธ์, โครงการก่อสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสีย เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เป็นต้น
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
18 พฤษภาคม 2568
































































